การปลูกป่า 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง พระองค์มีพระราชดำรัส
ดังนี้
“การ ปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาได้ใช้วิธีปลูกไม้
3 อย่าง แต่มีประโยชน์ 4 อย่าง คือ
ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ไม้เศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการชลประทาน ปลูกรับซับน้ำ
และปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องห้วยโดยรับน้ำฝนอย่างเดียว”
ประโยชน์4อย่าง ดังนี้
แปลความสรุปอย่างเข้าใจง่าย ปลูกไม้ให้พออยู่ พอกิน พอใช้
และระบบนิเวศน์
พออยู่ หมายถึง
ไม้เศรษฐกิจปลูกไว้ทำที่อยู่อาศัย และจำหน่าย
พอกิน หมายถึง
ปลูกพืชเกษตรเพื่อการกินและสมุนไพร
พอใช้ หมายถึง
ปลูกไม้ไว้ใช้สอยโดยตรงและพลังงาน เช่น ไม้ฟืน, และไม้ไผ่
เป็นต้น
ประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ สร้างความสมบูรณ์และก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่า
วิธีการดำเนินการ
1. การจัดแบ่งที่ดินทำกินเพื่อใช้ปลูกป่า 3
อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง จากพื้นที่ทำกินอยู่เดิม ที่เป็นพื้นที่สวน ไร่หรือนา แบ่งพื้นที่ออกมา
ร้อยละ 30-50 โดยมีรูปแบบการจัดแบ่ง 3 รูปแบบ
ดังนี้
1. พื้นที่จัดแบ่งปลูกป่า
3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง
1.1 จัดแบ่งโดยใช้พื้นที่รอบแนวเขตพื้นที่ทำกิน
ปลูกในพื้นที่ร้อยละ 30-50 ตามแนวเขตแดนพื้นที่ ทำกิน
2. พื้นที่จัดแบ่งปลูกป่า
3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง
1.2 จัดแบ่งออกมาชัดเจนเป็นส่วน ปลูกในพื้นที่ร้อยละ 30-50
โดยจัดส่วนอยู่ด้านหนึ่งของพื้นที่
1.3 จัดแบ่งเป็นริ้วหรือแถบตามความเหมาะสม
องค์ประกอบ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
จัดโครงสร้างและลำดับชั้นต้นไม้ในป่า
3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เป็นการจัดโครงสร้าง พันธุ์ไม้ให้มีสภาพใกล้เคียงกับป่า
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อความสมดุลของระบบนิเวศ โดยให้มีชั้นเรือนยอด 3 ชั้น ได้แก่ เรือนยอดชั้นบน เรือนยอดชั้นกลาง เรือนยอดชั้นล่าง
และหากจัดโครงสร้างด้านการใช้ประโยชน์จะเป็น 4 ระดับ คือ
ชั้นบน ชั้นกลาง ชั้นล่างและชั้นใต้ดิน ตามรูปแบบเกษตร 4 ชั้น,
สวนโบราณ, สวนสมรม
1 ไม้เรือนยอดชั้นบนได้แก่
ไม้ที่ปลูกใช้เนื้อไม้ทำที่อยู่อาศัย เช่น ตะเคียนทอง, สัก ยางนา, สะเดา, จำปาทอง ฯลฯ
และไม้ที่ลำต้นสูงและที่ลูกเป็นอาหารได้ เช่น สะตอ, เหรียง,
กระท้อน, มะพร้าว หมาก ฯลฯ
2 ไม้ เรือนยอดชั้นกลางส่วนใหญ่เป็นไม้เพื่อการกิน, การขาย, การใช้เป็นอาหารและสมุนไพร เช่น มะม่วง,
ขนุน, ชมพู่, มังคุด,
ไผ่, ทุเรียน, ลองกอง,
ปาล์ม ฯลฯ
3 ไม้ที่ปกคลุมผิวดิน
ทั้งที่เป็นอาหาร, สมุนไพรและของใช้ เช่น กาแฟ ผักป่าชนิดต่าง ๆ ชะพูล,
มะนาว, หวาย, สบู่ดำ ฯลฯ
กระบวนการปลูกในรูปแบบดังกล่าวจะได้พันธุ์ไม้ที่เกิดป่า
3 อย่าง คือ ป่าเพื่อพออยู่
ป่าเพื่อพอกินและป่าเพื่อพอใช้
และจะได้ประโยชน์เพิ่มในด้านการรักษาสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม